นายสมชาย คงสุขดี หรือ ฉายา “ดาร์กีกันตรึมร็อก” เกิดเมือวันที 2 ม.ค.2511 เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน10 คน ของนายแสงจันทร์ และนางประยูรญาติ คงสุขดีศิลปินท้องถินชือดังของ จ.สุรินทร์

ดาร์กี้ สมรสแล้วกับ นางสุมาลี สิทธิหนองคู ชาว จ.ร้อยเอ็ด มีบุตรสาวทั้งหมด 4 คน จบการศึกษาขั้นสูงสุดจากวิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ และสถาบันราชภัฏสุรินทร์ แต่เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดำ ทำให้เพือนๆ ชอบล้อเล่นเรียกว่า ไอ้หน้าดำบ้าง ไอ้ดาร์กี้บ้าง เนื่องจากสมัยนั้นมีโฆษณายาสีฟนยีห้อดาร์กี้ ซึ่งมีรูปผู้ชายตัวดำฟันขาวติดอยู่ข้างหลอดยาสีฟัน จึงได้สมญานามว่าดาร์กี้มาจนถึงปัจจุบัน ดาร์กี้เป็นคนชอบอ่านหนังสือ อ่านกลอน และชอบร้องรำทำเพลงมาตังแต่เด็ก อดีตเคยเปนทหารพรานที24 ที อ.ละหารทราย จ.บุรีรัมย์ ภายหลังได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ รับจ้างทำงานทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่งานในห้องน้ำ ทำอยู่ได้ไม่นานก็กลับบ้านเกิดด้วยความรักในเสียงเพลงจึงได้รวบรวมเพือนๆ พี่ชายและน้องชายทำวงดนตรีชื่อว่า “วงกะโปโล”

โดยรับตำแหน่งเป็นนักร้องประจำวง ด้วยน้ำเสียงทีไม่เหมือนใคร รวมทังสีผิว ทำให้เขาเริมมีคนรู้จักมากขึ้น ได้รับจ้างไปทำการแสดงตามหมู่บ้านและงานประจำจังหวัด จนพอมีชือเสียงในระดับหนึ่ง และด้วยความมุมานะและมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ดาร์กี้เริมเขียนเพลงด้วยตัวเอง เข้าห้องอัดเสียงครังแรกทีห้องบันทึกเสียงเสกสรร แสนภูมิ ซึ่งปัจจุบันเป็น ส.ส.จ.สุรินทร์ โดยตั้งวงกันตรึมขึนมาพร้อมพี่สาว พี่ชาย และน้องชาย ร่วมวงโดยประเดิมงานแสดงงานใหญ่เป็นงานประจำจังหวัด เทศกาลงานช้างสุรินทร์ เพียงชุดแรกก็ได้รับความนิยมอย่างสูง

ต่อมาจึงได้เข้าห้องอัดเสียงทำเพลงออกมาอีกสามชุดในปีเดียวกัน ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงอีสานใต้อย่างท่วมท้น ต่อมาปี 2530 ชีวิตดาร์กี้ เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังชุด “เปิดกรุอีสานใต้” ออกวางแผง เป็นชุดทีสร้างชื่อเสียงให้เขาโด่งดังไปทั่วประเทศ มีผู้คนรู้จักมากขึ้น ทำให้ผลงานชุดดังกล่าวสามารถขายได้ถึง 9.8 แสนม้วน และด้วยความตั้งมันบวกกับความเชื่อมั่นในตัวเอง ทำให้ดาร์กี้ตัดสินใจตั้งวงกันตรึมร็อกขึ้นมา ซึ่งเป็นยุคบุกเบิกอย่างแท้จริง มีสมาชิกวงถึง 73 คน ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากถึงวันละ 17,000บาท ส่วนรายได้ต่อคืนตกประมาณ 35,000-40,000 บาท โดยเปิดร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน เพือให้ลูกวงหางเครืองไม่ตกงานระหว่างทีไม่มีงานแสดง

โดยอาศัยร้องเพลงอยู่ที่ร้านของตัวเอง แต่ดาร์กี้แบกความทุกข์ยากอยู่ได้เพียง 6 เดือน ก็ต้องยุบวง เนื่องจากค่าใช้จ่ายทีสูงมากจนรับไม่ไหว ต่อมาจึงได้ออกเทปอีก 2 ชุด สังกัดบริษัทเทปกรุงไทย แต่เกิดปัญหากับบริษัทเทป ดาร์กี้จึงหาทางออกด้วยการดื่มสุรา เพื่อเป็นการปลอบใจ ทั้งนี้ ในปี 2533-2534 ดาร์กี้ช่วยเหลือการกุศลโดยออกเทป 2 ชุด เป็นเทปรณรงค์เรื่องพยาธิใบไม้ตับและโรคเอดส์ ให้กับสาธารณสุข จ.สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ และออกเทปมาเป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังมีโอกาสเดินทางไปเปิดการแสดงทีประเทศญีปุ่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ดาร์กี้ห่างหายไปพักหนึงก่อนจะกลับมาด้วยชุด “เบิกจ๊ะ” โดยเซ็นสัญญากับบริษัทมูฟวี่ ชุดนี้สร้างให้เขากลับมาดังอีกครั้ง สามารถขายเทปได้ถึง 7 แสนม้วน แต่เช็คทั้ง 3 ใบ ที่ทางบริษัทให้มากลับขึ้นเงินไม่ได้เลย ซึงปัจจุบันเขายังนำเช็คดังกล่าวใส่กรอบกระจกอย่างดี ห้อยโชว์อยู่ทีหน้าบ้าน ล่าสุดก่อนเสียชีวิตดาร์กี้เข้าสังกัดเทปท็อปไลน์ไดมอนด์ ซึ่งมีสัญญากัน 6 ชุด และทำเทปไปแล้ว 3 ชุดด้วยกันคือ “แรงงานเถือน” น้ำตาผู้ชาย” และชุด “อีซิวอีสร้อย” ซึงกำลังได้รับความนิยมของแฟนเพลงอยู่ในขณะนี้ ส่วนอีก 3 ชุดที่เหลือดาร์กี้ กำลังเขียนอยู่แต่ก็มาจบชีวิตลงเสียก่อน

โดยทำการฌาปนกิจศพในวันที่ 6 ม.ค. 2546 เวลา16.00 น. ที่เมรุวัดศาลาลอย อ.เมือง จ.สุรินทร์ พระราชทานเพลิงศพ นายสมชาย คงสุขดีเป็นกรณีพิเศษ ณ เมรุวัดศาลาลอย (พระอารามหลวง) ถึงแม้นตัวจากไป แต่ยังคงไว้ซึ่งเสียงเพลงให้เราได้ฟังอยู่จนปัจจุบัน ดาร์กี้ ไม่ได้จากไปไหน แต่ยังอยู่ในใจแฟนเพลงทุกคน
ข้อมูลโดย : สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม